วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ทริป ภูกระดึง ธันวาคม 2555

หลังจากห่างหายไปจากการเขียนบล็อกไปซะนาน

อิอิ

สำหรับทริปนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตแล้วนะครับ
ที่ได้ไปลิ้มรสอะไรหลายๆอย่างที่"ภูกระดึง แดนสวรรค์แห่งเมืองเลย"

ไม่ขออารัมภบทนานนะครับ เข้าเรื่องเลย

เช้ามืดวันที่ 8 ธันวาคม 2555 (04.30 น.) ตื่นมาเตรียมสัมภาระที่จำเป็น
-เสื้อผ้า ชุดกันหนาว ผ้าเช็ดตัว ผ้าพันคอ
-เสบียงนิดหน่อย(น้ำดื่ม+ขนมปัง+แยมสตรอว์เบอร์รี่ BESTFOOD)
-ไฟฉาย
-ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ ผ้าเช็ดหน้า
-กล้องถ่ายรูป ถ่าน AA การ์ด SDHC (ไอเท็มสำคัญนะครับ)
-เงิน (ไอเท็มสำคัญโคตรๆเลยนะครับ)
-ฯลฯ ที่ท่านเห็นว่าจำเป็นต่อการไปที่นั่นนะครับ

หลังจากเตรียมอะไรเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางกันจากที่พักที่ขอนแก่นกันตอน 05.30 น.

มุ่งตรงสู่ภูกระดึง ผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ทางหลวงเอเชีย หมายเลข AH16)

แต่ก่อนอื่น ขอเติมเชื้อเพลิงให้พาหนะที่รักก่อนเถอะท่าน
 
นี่ก็ ปตท. ทางออกจากเมืองขอนแก่น มุ่งหน้าสู่ชุมแพน่ะครับ
 
 เพื่อนร่วมเดินทางครั้งนี้ครับ นายหนอนแว่น

 
เสื้อฟ้าเนี่ย ผมเอง
 
 
ก็ขับรถไปตามทางเรื่อยๆครับ ไม่รีบเท่าไหร่ ความเร็ว 60-80 กม./ชม.
ไปได้ซักนิดหนึ่งก็รู้สึกว่าดวงอาทิตย์กำลังขึ้นแล้ว ก็เลย ขอเก็บภาพไว้ระหว่างทาง
 
สวยป่ะล่ะ 55
 
 
"ไปให้สุดขอบฟ้า จะไม่มองย้อนมา จะมุ่งไปให้ถึงดวงดาวที่ฝันใฝ่..."
 
 
นี่ก็น่าจะเป็นแยกบ้านฝากมั้งครับ ลืมแล้ว แต่ก็อยู่ระหว่างทางไปภูกระดึงนั่นแหละ
 
 
ตอนนี้ถึง ปตท.ชุมแพแล้ว พักเหนื่อยสักหน่อย ทั้งรถ ทั้งคน
 
 
มอเตอร์ไซค์คู่หู ไปไหนไปกันทุกที่ อุดร-ขอนแก่น ก็เคยไปมาแว้วววว (โม้เนอะ -.-)
ก็นะ เติมน้ำมันเสร็จก็ออกเดินทางต่อเลยครับ
ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ไป หน่อยๆก็ถึงทางแยก
เลี้ยงขวา เข้าสู่ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 201
มุ่งหน้าสู่ ภูกระดึง อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลยครับ
 
ระหว่างทางก็จะผ่านอุทยานแห่งชาติภูผาม่านด้วยนะ
ป่า 2 ข้างทาง ทึบๆ เย็นๆ ขับรถ(มอเตอร์ไซค์)ตอนเช้าๆหนิ ไม่ต้องอธิบายเลย ฮ่ะๆ
 
ผ่านอุทยานแห่งชาติภูผาม่านไปก็จะเจอกับ ผานกเค้า ปราการแรกก่อนถึงภูกระดึงครับ
เก็บภาพไว้หน่อย
บรรยากาศตอนเช้า กำลังดีครับ
ถ้าข้ามสะพานที่ผมถ่ายรูปนี้ไปก็จะเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารเช้า ฯลฯ นะครับ
ท่าที่ไม่เร่งีบก็แวะที่นั่นก่อนก็ได้นะ
 
ถ่ายรูปเสร็จก็มุ่งหน้าสู่จุดมุ่งหมายของทริปนี้เลยครับ
 
ผ่านผานกเค้าไปไม่ไกลนัก จะมีทางแยก เลี้ยวซ้าย เข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201(เดิม)
ตรงเข้าสู่ภูกระดึง แล้วก็ไม่ไกลนักอีก ก็จะเจอกับ 4 แยกวงเวียน เลี้ยวซ้ายอีกที เพื่อเข้าสู่ตัวอำเภอภูกระดึงคับ
 
โดยส่วนผมไม่ได้แวะทานข้าวเช้าที่ผานกเค้า ก็เลยมาที่ตัวอำเภอ หาร้านที่อินดี้ๆหน่อย ก็แวะเลยครับ
 
 
ร้านนี้ ไม่ต้องสั่งพิเศษก็ให้เยอะครับ เหมาะแก่คนกินเยอะ ฮ่ะๆ
 
 
ข้าวเช้าเสร็จก็กาแฟซักถ้วยก่อนน
 
หลังจากนั้นก็ไม่รอช้าครับ ขับรถขึ้นภูฯ
ก่อนนั้นจะไปเจอด่านให้จ่ายค่าจอดพาหนะก่อนนะครับ
รถยนต์ 30 บาท
รถมอเตอร์ไซค์ 20 บาท
แล้วก็ขับไปที่จุดบริการนักท่องเที่ยวเลย
 
พอไปถึงก็มี 2 กรณีครับ
ถ้าจองผ่านเว็บไซต์ก่อนหน้าที่จะไป กับไม่ได้จองผ่านเว็บไซต์(คือไปหาเอาข้างหน้านั่นแหละ)
แต่ยังไงซะก็ต้องไปติดต่อจุดบริการนักท่องเที่ยวที่จุดเดียวกันซะก่อน
ภาษาของเจ้าหน้าที่ที่นั่นเค้าเรียกว่า จุดที่ 1 (มีป้ายติดบอกว่าเป็น เลข 1)
ถ้าจองผ่านเว็บไซต์ก่อนหน้าที่จะไป ก็เอาใบเสร็จชำระเงินไปยืนยันครับ
แต่ถ้าไม่ได้จองผ่านเว็บไซต์ก่อนหน้าที่จะไป ก็แจ้งทางเจ้าหน้าที่ที่จุดหมายเลข 1 ว่า ไม่ได้จองผ่านเว็บไซต์ แล้วก็แจ้งคนที่มากับคณะเที่ยวของเราว่ามีกันกี่คน (ของผมก็ 2 คน คนละ 40 บาท รวม 80 บาทครับ) แล้วจะได้ใบเสร็จสีขาวมา(เอาไว้ไปติดต่อจุดบริการนักท่องเที่ยวอีกทีนึง ที่บนภูฯ เพื่อว่าจะได้จองเต็นท์/ที่กางเต็นท์/หมอน/ผ้าห่ม/ฯลฯ)
เสร็จจากนั้นก็ไปติดต่อที่หมายเลข 2 (รึเปล่านะ ไม่แน่ใจ) เป็นจุดที่ติดต่อจ่ายค่าบริการการใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติ(มั้งนะ ลืมอ่ะ) คนละ 20 บาท (มั้งนะ ไม่แน่ใจอ่ะ >> ขอโทษครับ ลืมจริงๆ) แล้วจะได้บัตรผ่านขึ้นภูฯ ใช้ยื่นกับเจ้าหน้าที่ที่ยืนตรวจอยู่เชิงภูฯนะครับ 
 
เสร็จแล้วทุกอย่างก็ขึ้นภูฯเลย
 
แต่เดี๋ยวก่อน!! ไหว้พระขอพร ก่อนขึ้น จะได้เป็นมงคลแก่ชีวิตนะ
 
 
แจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือ โทร... ตามนั้น
 
 
ขึ้นมาได้พักนึง ทางชันโคตร!!
 
 
เหนื่อยดิ
 
 
เนี่ยแค่ซำบอน(ลำดับต้นๆน่ะครับ) เดินมาได้แค่กิโลฯกว่าๆ แต่ เหนื่อยสุดๆ
 
แต่ก็เดินไปเรื่อยๆ พักไปเรื่อยๆ ตามที่ร่างกายจะพอรับไหวครับ
ที่สำคัญ อย่าลืม น้ำดื่มนะครับ จำเป็นอย่างยิ่ง ต่อการขึ้นภูฯ
 
 
เจอบันไดเหล็กแบบนี้ ใกล้ถึงยอดภูฯ(หลังแป) แล้วนะครับพี่น้อง
 
 
ขึ้นมาถึงหลังแปแล้วนะครับ เหนื่อยเกินน
หลังจากที่ส่งนายหนอนแว่นล่วงหน้าขึ้นภูไปก่อนเพื่อจองเต็นท์/ผ้าห่ม/หมอน
แล้วตัวผมเองก็เดินตามไปที่หลัง แล้วไปช่วยกางเต็มท์ เตรียมที่พักสำหรับคืนที่จะถึงนี้
 
 
ช่วยกันกางเต็นท์จนเสร็จ แล้วไปเช่าผ้าใบสำขาวน้ำเงิน มาจากร้านอาหารใกล้ๆ ผืนละ 25 บาท
เพื่อมากันน้ำหมอกที่จะลงตอนกลางคืน เปียกนะ ถ้าไม่กาง *.*
 
นี่แหละครับ สภาพทีกางเสร็จ เหอๆ
 
ขอนอนพักซัก 1-2 ชม. แล้วออกตัวเติมพลัง เพื่อเดินครับ
 
 
กินข้าวเที่ยง ที่ร้านน้องแอ๋น(เดี๋ยวจะลงรูปให้ดูที่หลังนะ)
แล้วก็เลยถ่ายรูปแผนที่โดยคร่าวๆของภูฯ มาเพื่อเป็นตัววางแผนการเดินรอบภูฯ
จุดมุ่งหมาย้ทายสุดของเราคือ ผาหล่มสัก จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกครับ
 
 
นี่ก็เป็นเส้นทางที่จะเดินสำหรับวันนี้นะ
 
 
ระหว่างทางไปนมัสการ องค์พระพุทธเมตตา
 
กราบงามๆ 3 ครั้ง (ต้องขออภัย ที่ไม่ได้ถ่ายรูปองค์พระพุทธเมตตามาให้ชมนะครับ)
 
ไปต่อ...
 
ระหว่างทางเดิน มีป้ายนี้ติดบอกด้วย คาดว่าจะเป็นการปล่อยกระแสไฟฟ้า เพื่อกันสัตว์ป่าไม่ให้เข้าไปในเขตที่พักและทำอันตรายแก่นักท่องเที่ยวน่ะครับ
 
 
แล้วก็เดินต่อไป สระอโนดาต นี่ก็บรรยากาศระหว่างทางครับ
 
 
ถึงแล้วววว สระอโนดาต ถ้าท่านเหนื่อยๆหน่อย แนะนำให้ถอดรองเท้าแล้ว เอาเท้าแช่น้ำนะครับ เย็นโคตร หายเหนื่อยเลยล่ะท่านเอ้ย จะบอก
 
ระหว่างที่จะออกจากสระอโนดาต เพื่อเดินต่อไปที่น้ำตกถ้ำสอเหนือ ก็มีป้าย ห้ามผ่านตั้งแต่เวลา 15.00 ถึง เช้าๆ ก็ทำให้จำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทาง เดิน จากจุดหมายเดิมไปที่ ผาเหยียบเมฆ ซึ่งเป็นทางที่ปลอดภัยกว่า
 
 
ระหว่างทางที่เดินเห็นหน้าเหนื่อยๆอย่างงี้ ไม่ใช่อะไรนะครับ
แบบ วิ่ง อ่ะ กลัวไม่ทันดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก -.-
เหนื่อยดิ
 
 
นี่ก็ระหว่างทางเดินไปผาเหยียบเมฆ
ใกล้ถึงละๆ
 
 
ที่นี่ ผาเหยียบเมฆ
สูงชัน และน่ากลัว
แต่วิวสวยโคตร
 
 
แล้วเดินต่อครับ ไม่รอ นี่ก็ระหว่างทางไปผาหล่มสัก ให้บรรยากาศอีกแบบนึง
 
 
ถึงแล้วจร้า สวยสมกับที่วิ่งมาหาเธอจริงๆนะเออ
 
 
แต่ดูจากหน้าคนเขียนบล็อกแล้ว เหนื่อยสุดๆ วิ่งอ่ะครับ กลัวไม่ทันจริงๆ
 
 
อีกรูป
 
 
อีกรูป
 
 
กำลังจะกลับที่พักละครับ อีก 9 กิโลเมตร กับ 354 ไกลมว๊ากกก
 
 
ระหว่างทางกลับครับ เป็นร้านอาหารที่ขายแถวๆ ผาเหยียบเมฆ ท่านที่ต้องการพีกก็มีอาหาร/เครื่องดื่มขาย นะครับ
 
แล้วเดินต่อ...
 
ถึงเสียที เลยคุยกับนายหนอนแว่ยว่า พอถึงแล้ว ขอไปกินข้าวก่อนนะ
 
 
แต่พอไปล้างมือก่อนไปกินข้าวก็ไปเจอ กวางในตำนาน
มาครั้งที่แล้วไม่เจอ แต่มาครั้งนี้ เจอนะ ฮ่ะๆๆ
คุ้ยอาหารกินอร่อยเชียวท่านเอ้ย
 
 
ล้างมือเสร็จก็เดินมาสั่งข้าวที่ร้านน้องแอ๋นครับ
ร้านนี้แหละ ถูกใจสุดๆละ
เจ๊เจ้าของร้านเป็นกันเองสุดๆ(ช่วงที่ลูกค้าน้อยๆนะ)
 
 
มีน้ำชาร้อนๆให้ดื่มแบบฟรีๆด้วย ตรงนี้แหละ ติดใจที่สุด อิอิ
 
 
ซดชาก่อนกินข้าวสักหน่อยน่ะ
 
 
มาเสิร์ฟแล้วครับ อาหารเย็นมื้อร่อย
 
 
เกลี้ยงตั๊บ ทันตาเห็น
 
 
เอาล่ะ กินเสร็จ ไม่มีการอาบน้ำครับ
หนาวอ่ะ 555
นอนละ ฝันหวานๆ
 
 
ตื่นแล้วคร้าบบ
พร้อมจะออกเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่ผานกแอ่น
 
 
เดินออกจากที่พักมาก็ 2 กิโลฯกว่าๆมั้ง ก็ถึงแล้วครับ ผานกแอ่น จุดชมวิวพระอาทิตย์
 
 
รูปแนว silhouette ในความคิดของผม ว่าสวยดีนะ อิอิ
 
 
หึหึ
 
จับพระอาทิตย์
 
 
ลูกไม้เรืองแสง
 
 
สวยป่ะ? อิอิ
 
 
อีกรูป silhouette อีกรูป
 
 
ยิ้มหน่อย
ถ่ายรูปได้ สักหน่อย ก็กลับเต็มท์ ครับ
 
 
ระหว่างทาง ก็สวยดีนะครับ
 
 
หมอกลงนะ ให้อารมณ์ไปอีกแบบ
 
 
ว่าไปๆ
 
 
มาถึงที่กินข้าวแล้วครับ หมอกลงหน่อยๆ กำลังหนาวๆดี
 
 
ร้านน้องแอ๋นครับ เจ้าเก่า เจ้าเดิม ไม่เปลี่ยนร้าน เพราะ
V
V
V
 
 
ข้าวอร่อย มีน้ำชาให้ดื่มด้วย
 
หลังจากกินข้าวเสร็จก็
กลับเต็นท์ เก็บของ เตรียมกลับครับ
คืนเต็นท์ ที่จุดเช่าเครื่องนอน
แล้วก็เดิน ไปสู่หลังแป ทางกลับลงข้างล่าง
 
 
ขอถ่ายรูปไว้หน่อย ก่อนกลับ
 
 
บันไดเหล็ก (เกือบ)90 องศา ครับ ชันเหลือเกิน
 
 
เดินมาได้ กิโลฯกว่าๆก็ ถึงด่านช้าง
 
 
ซึ่งที่ซำแคร่นี้ ก็ใกล้ๆ ด่านช้างอ่าครับ
 
 
ลงมาอีกก็ซำกกโดน มีที่ให้พัก มีอาหารเครื่องดื่มขายครับ
 
 
พักซักหน่อยนะ
แล้วไปต่อ
 
 
ต่อด้วยซำกกไผ่
 
 
และซำกกหว้า
 
 
และพร่านพรานแป
 
 
และซำกอซาง
จะสังเกตเห็นหัวคนเขียนบล็อก
สภาพ ไม่ไหวแล้ว
 
 
ใกล้แล้วครับ
ซำกกออกแล้ว
 
 
ต่อด้วยซำบอน
ใกล้แล้วๆ
 
 
ซำแฮกแล้วๆ
 
 
ต่อด้วย ปางกกค่า
อีก 800 เมตรก็เชิงเขาแล้วครับ
 
 
อ่ะ มาถึงเสียที เหนื่อยโคตร
 
 
นี่ก็เป็นจุดพักทั้ังหมดที่ว่ามา ตั้งแต่เชิงเขา ไปจนถึงหลังแปนะครับ
 
 
อีกซักรูป ที่ กม. 0 ภูกระดึง
ถ่ายรูปเสร็จ ก็กลับกันเลยครับ กลัวว่าจะถึงขอนแก่นช้า
ออกตัวจากภูกระดึง เวลาประมาณ 15.30 น.
 
 
ถึงผานกเค้า ขอถ่ายรูปไว้อีกสักรูป แสงกำลังสวย
แล้วก็เดินทางกลับโดยรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ
ถึงขอนแก่นก็ 2 ทุ่มกว่าๆ -.-
พักที่ ปตท. ชุมแพ นานดีนะ เหอๆๆๆ
 
 
กลับมาถึงบ้านที่ขอนแก่น  ก็ ปวดขาสุดๆครับ
แปะกอเอี๊ยะ ตั้งหลายแผ่นก็ไม่หายปวดซะที
 
ก็นี่นะครับ โดยคร่าวๆของทริปนี้
อยากให้ไปกันมากๆ
 
รายจ่ายโดยคร่าว 1 วัน ไม่เกิน 1 พันบาทครับ
เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการท่องเที่ยวแนวผจญภัย+ประหยัดค่าใช้จ่าย
 
 
 
 
 
เพิ่มเติมครับ
เว็บไซต์ของ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
 
มีอีกหลายๆอย่างรอท่านไปค้นหานะครับ
ขอให้โชคดี อิอิ